ว่าด้วยเรื่องกาแฟแต่ละประเภท

            เชื่อว่าหลายๆท่าน คงเคยมีความคิดที่อยากทำธุรกิจของตัวเอง และหนึ่งในธุรกิจที่หลายๆคนฝันถึงก็คือ การมีร้าน Coffee Shop เป็นของตนเอง ซึ่งส่วนใหญ่ เหตุผลหลักๆ จะเป็นความชอบ อาจจะดูเท่ห์ ดูดี จึงทำให้มีคนสนใจธุรกิจนี้ค่อนข้างเยอะ
            
            แต่การจะทำธุรกิจร้านกาแฟ ให้ประสบผลสำเร็จ ต้องมีองค์ประกอบหลายๆอย่าง ไม่ใช่แค่มีทุนอย่างเดียว ในบทความตอนนี้ จะพูดเกี่ยวกับ กาแฟประเภทต่างๆ ที่ผู้ที่สนใจจะทำธุรกิจร้านกาแฟจะต้องรู้ไว้ ซึ่งจะกล่าวถึง ประเภทกาแฟที่ คนส่วนมากนิยมดื่ม ไปดูกันเลยครับ

1.กาแฟเอสเปรสโซ(Espresso)
            เอสเปรสโซเย็น ถือเป็นกาแฟที่ได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะคนที่ชอบรสชาติที่เข้มข้นของกาแฟ เอสเปรสโซ (Espresso) คือกาแฟที่มีรสแก่และเข้ม มีวิธีการชงโดยใช้แรงอัดไอน้ำหรือน้ำร้อนผ่านเมล็ดกาแฟคั่วที่บดละเอียด ที่มาของชื่อ เอสเปรสโซ มาจากคำภาษาอิตาลี "Espresso" แปลว่า เร่งด่วน
             เอสเปรสโซเป็นกาแฟที่นิยมมากที่สุดในแถบประเทศยุโรปตอนใต้ โดยเฉพาะประเทศอิตาลี การสั่งกาแฟหรือ "คัฟแฟะ" (caffè) ในร้านโดยทั่วไปก็คือสั่งเอสเปรสโซ เอสเปรสโซได้รับการผลิตที่อิตาลี 
             เอสเปรสโซมีต้นกำเนิดที่อิตาลีในช่วงที่อิตาลีล่าเอธิโอเปียเป็นอาณานิคม กาแฟก็นำมาปลูกที่อิตาลีส่วนใหญ่ ด้วยวิธีการชงแบบใช้แรงอัด ทำให้เอสเปรสโซมีรสชาติกาแฟซึ่งเข้มข้นและหนักแน่น ต่างจากกาแฟทั่วไปซึ่งชงแบบผ่านน้ำหยด และเพราะรสชาติเข้มข้นและหนักแน่นอันเป็นเอกลักษณ์นี้เอง ทำให้คอกาแฟดื่มเอสเปรสโซโดยไม่ปรุงด้วยน้ำตาลหรือนม และมักจะเสิร์ฟเป็นช็อต (แก้วแบบจอก) เพื่อให้ปริมาณไม่มากจนเกินไป (ประมาณ 1-2 ออนซ์ หรือ 30-60 มิลลิลิตร แตกต่างตามพฤติกรรมการดื่มของแต่ละประเทศ)
             การสั่งเอสเปรสโซตามร้านกาแฟทั่วไป มักสั่งตามปริมาณ กล่าวคือ เป็นช็อตเดียวหรือสองช็อต เอสเปรสโซมีความไวสูงในการทำปฏิกิริยากับออกซิเจน เพื่อไม่ให้เสียรสชาติจึงควรดื่มตอนชงเสร็จใหม่ ๆ
              ผงกาแฟที่ใช้ ขึ้นอยู่กับแต่ละระบบการชง ระบบการชงแบบแรงดันน้ำหรือแรงอัดจะต้องใช้ผงละเอียด แต่ไม่ถึงกับเป็นแป้ง
              แต่เมื่อกาแฟเอสเปรสโซ ได้เข้ามาในเมืองไทย ด้วยความที่ประเทศไทยเป็นเมืองร้อน จึงมีการนำเอสเปรสโซมาปรับให้เข้ากับเมืองไทย โดยการใส่น้ำแข็ง และเพิ่มความหวานมัน โดยการใส่นมและน้ำตาลเพิ่มเข้าไป เป็นเครื่องดื่มเย็นที่นิยมในบ้านเรา แต่เอสเปรสโซ จริงๆ จะเป็นเครื่องดื่มร้อน เป็น น้ำกาแฟล้วนๆ ไม่มีปรุงแต่ง นะครับ

2.กาแฟคาปุชชิโน(Cappuccino)     
   
 
          คัปปุชชีโน (Cappuccino) เป็นหนึ่งในเครื่องดื่มประเภทกาแฟซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากประเทศอิตาลี คัปปุชชีโนมีส่วนประกอบหลักคือเอสเปรสโซและนม
           การชงคัปปุชชีโนส่วนใหญ่มักมีอัตราส่วนของเอสเปรสโซ 1/3 ส่วน ผสมกับนมร้อนผ่านไอน้ำ 1/3 ส่วน และนมตีเป็นฟองละเอียด 1/3 ส่วนลอยอยู่ด้านบน นอกจากนั้นอาจโรยหน้าด้วยผงอบเชยหรือผงโกโก้เล็กน้อยตามความชอบ ส่วนผสมของคัปปุชชีโนต่างจากของลัตเตมัคคียาโตซึ่งประกอบไปด้วยนมเป็นส่วนใหญ่และนมตีฟองเพียงเล็กน้อย
          ในประเทศอิตาลี ผู้คนมักดื่มคัปปุชชีโนเป็นอาหารเช้าโดยเฉพาะ โดยอาจมีขนมปังแผ่นหรือคุกกี้ประกอบ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะว่าวิถีชีวิตของชาวอิตาลีมักไม่ค่อยรับประทานอาหารเช้าแบบเป็นกิจลักษณะ คัปปุชชีโนและขนมปังเบา ๆ จึงเหมาะเป็นอาหารรองท้องสำหรับยามเช้า และด้วยเหตุนี้ทำให้ไม่ดื่มคัปปุชชีโนในช่วงอื่นของวัน แต่สำหรับต่างประเทศรวมถึงประเทศไทยสามารถดื่มคัปปุชชีโนได้ทุกเวลาโดยไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลก
           แต่เมื่อคัชปุชชิโน เข้ามาในประเทศไทย ก็มีการปรับเปลี่ยนส่วนผสม ระหว่างกาแฟและนมสด โดยขึ้นอยู่กับสูตรของแต่ละร้าน แต่รสชาติหลักของคาปูชิโน่ จะต้องมีรสกาแฟเด่นกว่ารสชาติของนม อาจจะพูดได้ว่า เป็นกาแฟใส่นมสด และเอกลักษณ์ที่สำคัญอีกอย่างของ คัชปุชชิโน ก็คือ ฟองนมละเอียดที่อยู่บนกาแฟ จะดื่มร้อนหรือเย็น ก็ได้ ถือเป็นกาแฟที่คอกาแฟชื่นชอบ

3.ลัตเต้ (Latte)


           ลาตเท หรือ แลตเท (อังกฤษ: latte) คือเครื่องดื่มกาแฟที่เตรียมด้วยนมร้อน โดยเทเอสเปรสโซ 1/3 ส่วน และนมร้อนที่ตีด้วยไอน้ำจากเครื่องชง 2/3 ส่วน ลงในถ้วยพร้อม ๆ กัน และจะหยอดฟองนมหนาประมาณ 1 เซนติเมตร ทับข้างบน กาแฟชนิดนี้มีหน้าตาคล้ายกับกาเฟโอแลของฝรั่งเศสมาก แต่กาเฟโอแลมักเตรียมจากกาแฟดำที่ชงแบบหยด[1] ผสมกับนมที่อุ่นให้ร้อนในอัตราส่วนเท่ากัน
            "ลาตเท" ในภาษาอังกฤษเป็นรูปคำที่ตัดย่อมาจากชื่อกาแฟชนิดเดียวกันในภาษาอิตาลีว่า คัฟเฟลลัตเต (caffellatte, caffelatte) หรือ คัฟแฟะลัตเต (caffè latte) แปลว่า "กาแฟนม" ดังนั้น หากไปสั่ง "ลัตเต" (latte) ตามร้านเครื่องดื่มในประเทศอิตาลี ก็จะได้เพียงนมเท่านั้น ลาตเทเริ่มเป็นที่นิยมนอกประเทศอิตาลีในช่วงต้นคริสต์ทศวรรษ 1980
            ในการชงลาตเท ผู้ชงกาแฟที่ชำนาญงานจะใช้วิธีขยับข้อมือเล็กน้อยขณะที่รินนมและฟองนมลงบนกาแฟ ทำให้เกิดลวดลายต่าง ๆ เรียกว่า ศิลปะลาตเท (latte art) หรือศิลปะฟองนมในถ้วยกาแฟ
          ลัตเต้ เป็นกาแฟที่จะมีส่วนผสมของนมอยู่มากกว่ากาแฟ พูดอีกอย่างก็คือ นมใส่กาแฟ และได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ลัตเต้ กับ คัชปุชชิโน่ จะมีนมผสม และ มีฟองนมอยู่บนหน้ากาแฟ บางคนก็คิดว่าคัชปุชชิโน่ กับ ลัตเต้ เหมือนกัน แต่ที่จริงแตกต่างกันด้านสัดส่วนการผสม ให้จำง่ายๆว่า คัชปุชชิโน่ คือ กาแฟผสมนม ลัตเต้ คือ นมผสมกาแฟ 

4.มอคา (Mocha)


              โมคา หรือ มอคา (อังกฤษ: mocha) หรือ โมคัชชีโน(อิตาลี: mocaccino) เป็นเครื่องดื่มกาแฟที่คล้ายกับลาตเทกล่าวคือ มีเอสเปรสโซ 1/3 ส่วน และนมร้อน 2/3 ส่วน แต่แตกต่างกันที่โมคาจะมีส่วนผสมของช็อกโกแลตด้วย โดยมักจะใส่ในรูปน้ำเชื่อมช็อกโกแลต เสิร์ฟได้ทั้งแบบร้อนและแบบเย็นใส่น้ำแข็ง มักมีวิปครีมปิดหน้า
             โมคายังหมายถึงกาแฟอะแรบิกาชนิดหนึ่ง ซึ่งปลูกอยู่บริเวณเมืองท่าโมคาในประเทศเยเมน กาแฟโมคามีสีและกลิ่นคล้ายช็อกโกแลต (แม้ว่าจะไม่มีส่วนประกอบของช็อกโกแลตในโมคาเลยก็ตาม) อันเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้กาแฟโมคาเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
             มอคา หรือ มอคค่า เป็นกาแฟที่มีส่วนผสมของช็อคโกแลต หรือ บางร้านอาจใส่โกโก้แทน ลักษณะเด่น ของมอคา คือจะมีกลิ่นหอมของชอคโกแลต ผสมกับกลิ่นกาแฟ และมีรสชาติที่กลมกล่อมของรสช็อคโกแลต และ กาแฟ มักเป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่เริ่มดื่มกาแฟ(จากการสอบถามผู้ที่เริ่มดื่มกาแฟ โดยผู้เขียน)

5.อเมริกาโน ( Amaricano)


           คัฟแฟะอาเมรีคาโน (อิตาลี: caffè americano) หรือ กาเฟอาเมริกาโน (สเปน: café americano) คือเครื่องดื่มกาแฟชนิดหนึ่ง มีวิธีการชงโดยเติมน้ำร้อนผสมลงไปในเอสเปรสโซ การเจือจางเอสเปรสโซซึ่งเป็นกาแฟเข้มข้นด้วยน้ำร้อน ทำให้คัฟแฟะอาเมรีคาโนมีความแก่พอ ๆ กับกาแฟธรรมดา แต่มีกลิ่นและรสชาติที่เข้มที่มาจากเอสเปรสโซ
            คัฟแฟะอาเมรีคาโนเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบกาแฟดำ แต่ไม่แก่และหนักถึงขั้นเอสเปรสโซ คอกาแฟส่วนใหญ่นิยมดื่มคัฟแฟะอาเมรีคาโนโดยไม่ปรุงด้วยนมหรือน้ำตาล เพื่อดื่มด่ำกับรสชาติกาแฟซึ่งแตกต่างจากกาแฟธรรมดา
              สำหรับที่มาของชื่อ "อาเมรีคาโน" หรือ "อาเมริกาโน" ซึ่งหมายถึง "แบบอเมริกัน" นั้น ว่ากันว่าเอสเปรสโซล้วน ๆ เข้มข้นเกินไปสำหรับคอกาแฟชาวอเมริกัน จึงมีการเสิร์ฟกาแฟเอสเปรสโซที่ทำให้เจือจางด้วยน้ำร้อนแทน แม้ว่าชื่อกาแฟจะหมายถึงกาแฟแบบอย่างอเมริกัน แต่คัฟแฟะอาเมรีคาโนก็มิได้เป็นกาแฟที่ชาวอเมริกันนิยมดื่มจนกระทั่งยุครุ่งเรืองของร้านกาแฟแบบลูกโซ่สตาร์บัคส์ในปี พ.ศ. 2533 ถึงกระนั้น คัฟแฟะอาเมรีคาโนก็ไม่จัดเป็นกาแฟที่ได้รับความนิยมมากนัก
              ตอนนี้ในประเทศไทย อเมริกาโน่เย็น ไม่ใส่น้ำตาล กำลังเป็นที่นิยม ถือเป็นกาแฟที่ไม่มีส่วนผสมใดๆ นอกจากน้ำเปล่า ซึ่งทำให้ผู้ดื่มได้รสสัมผัสจากกาแฟแท้ ๆ ดังนั้นร้านกาแฟจะต้องเลือกเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพมาใช้ โดยส่วนตัว ผู้เขียนว่า ถ้าร้านไหน ทำกาแฟเอสเปรสโซร้อน และอเมริกาโน่เย็น ที่เข้าถึงรสชาติ และ กลิ่น ของกาแฟ ได้ เชื่อได้ว่า เมนูกาแฟอื่นๆ ก็ไม่ต้องกังวลถึงรสชาติ 

             นี่คือ หลักๆ ของกาแฟที่ได้รับความนิยม ในบทความต่อไป ผมจะมาแนะนำวิธีการชงกาแฟ การใช้ส่วนผสม กับร้านกาแฟที่มีรสชาติดี และ ร้านที่บรรยากาศน่านั่ง ครับ..
     

การตีฟองนมสีชมพูแต่งหน้ากาแฟ

วิธีลงเพลงใน Youtube ด้วยแอพ My Intro

วิธีลงเพลงใน Youtube ด้วยแอพ My Intro

ถาม-ตอบ : "ถ้ามีเงิน 1,000 บาท จะขายอะไรดี

ถาม-ตอบ


หมวดค้าขาย

คำถาม: ถ้ามีเงินอยู่ 1,000 จะขายอะไรดี
คำตอบ: ขายหมูปิ้ง เพราะ เตรียมวัตถุดิบไม่ยุ่งยากค่าใช้จ่ายก็ไม่เยอะ โดยสิ่งที่ต้องเตรียม
              ก็มีดังนี้ครับ 


1.เตาปิ้ง ราคาประมาณ 160 บาท 

2.ตะแกรงปิ้ง ราคาประมาณ 50 บาท
3.ไม้เสียบหมูย่าง ราคาประมาณ 30 บาท
4.ถ่านไม้ ราคากระสอบละ 100 บาท


5.สะโพกหมู 1 กิโลกรัม ราคาประมาณ 200 บาท
6.ผงหมักย่าง ราคาประมาณ 30 บาท


7.ค่าเช่าที่ตลาดนัด ประมาณ 20-100 บาท


8.ถุงร้อนใส่หมูปิ้ง ราคาประมาณ 40 บาท

9.ถุงหิ้ว ราคาประมาณ 40 บาท


ในส่วนอุปกรณ์อื่นๆ เช่น ถาดใส่หมู โต๊ะวางหมูปิ้งขาย ก็หาเอาจากในบ้านครับ
สรุปว่าถ้ามีเงินทุนแค่ 1,000 บาท ก็ลองเลือกหมูปิ้งเป็นอีกทางเลือกได้ เพราะ เงินลงทุนรวมทั้งหมด จะอยู่ที่ประมาณ 750 บาท สำหรับผู้ที่เริ่มต้น แนะนำให้ใช้หมูแค่ 1กิโลกรัม เพราะว่าอยากให้ลองตลาดดูก่อน แต่หมู 1 กิโลกรัมก็ขายได้ประมาณ 30 - 40 ไม้ ขายไม้ละ 8 -10 บาท ก็จะได้เงินอยู่ประมาณ 200 - 300 บาท และของที่เราลงทุนไว้ ก็ไม่ต้องซื้อเพิ่มในครั้งต่อไป  กำไรจะเริ่มเห็นชัดขึ้นเมื่อขายครั้งต่อไป

           แต่ก็มีอีกหลายช่องทาง สำหรับคนที่มีต้นทุนน้อย ท่านผู้อ่านสามารถแนะนำได้นะครับ


ขอบคุณครับ
เมษา

ROV: มาดู Valhein:ออก Item แบบไม่ใส่รองเท้า

Valhein:ออก Item แบบไม่ใส่รองเท้า

Valhein
 "Valhein"ถือเป็นนักสู้ใน ROV ที่ได้รับความนิยมที่จะเลือกเข้าไปเล่นในเกมค่อนข้างสูง ด้วยความที่ เป็นตัวละครในเกมที่ใช้งานง่าย และ มีความคล่องตัวสูง ซึ่ง ในบทความนี้ ผมจะมาแนะนำ การเลือก Item โดยไม่เลือก Item เคลื่อนที่ แต่จะเลือก Item โจมตีอย่างเดียว มาดูกันครับ....

ผัดไทย (Pad Thai)

ผัดไทย (Pad Thai)

ผัดไทย หมายถึง อาหารคาวอย่างหนึ่งใช้ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กผัดกับเครื่องปรุง มีน้ำมะขามเปียก เต้าหู้เหลือง หัวไชโป๊ว กุ้งแห้ง หรือกุ้งสด ใบกุ่ยช่าย ถั่วงอก เป็นต้น

(Pad Thai means a savory dish, using small noodles, stir-fried with seasoning. With tamarind juice Yellow tofu, shredded head, dried shrimps or fresh shrimp, Kui chai leaves, bean sprouts etc.)

ผัดไทย เป็นอาหาร จานด่วนที่เป็นที่นิยมในหมู่ชาวต่างชาติ และ คนไทย ด้วยรสชาติที่อร่อยเฉพาะของผัดไทย และ หาทานได้ง่าย ราคาไม่ค่อยแพง จึงทำให้ผัดไทย เป็นอาหารที่อยู่ในภัตตาคาร และ หาทานได้ตามร้านอาหารทั่วไป เราบองมาดูวิธีการทำผัดไทย ทานเองที่บ้านกันครับ ทำไม่อยาก วัตถุดิบก็ไม่เยอะ โดย เมนูที่ผมจะมาแนะนำนี้ จะเป็น"ผัดไทยหมูห่อไข่" มาเริ่มกันเลย

(Pad Thai is a fast food that is popular among foreigners and Thai people with a unique taste of Pad Thai and easy to find. Price is not expensive. Thus making Pad Thai Is food in the restaurant and can be eaten in general restaurants We came to see how to make Pad Thai. Eat at home. Do not want the raw materials, not many. The menu that I will recommend this. Will be "fried Thai pork wrapped in eggs" to start)

สิ่งที่ต้องเตรียม

1."ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก 0.3 กิโลกรัม"
หาซื้อได้ทั่วไปทั้งในตลาด และ ห้างสรรพสินค้า

2."เนื้อหมู 0.2 กิโลกรัม"
แนะนำให้เลือกเนื้อสะโพก
3."กระเทียมโขลกพอหยาบ 1 ช้อนโต๊ะ


4."น้ำปลาอย่างดี 1 ช้อนโต๊ะ"


5."น้ำตาลปี๊ป 1 ช้อนโต๊ะ"


6."น้ำมะขามเปียก 1 ช้อนโต๊ะ"


7."ใบกุ๊ยฉ่ายหั่น 1 ถ้วย"

8."ไข่ไก่ 2 ฟอง"

9."ถั่วงอกสด,ต้นกุ๊ยฉ่าย,มะนาว" (สำหรับเป็นเครื่องเคียงผัดไทย)


10."น้ำมันหมูจากการเจียวมันหมู 2 ช้อนโต๊ะ"



เมื่อเราหาวัตถุดิบได้แล้ว เรามาดูวิธีทำกันเลยครับ ว่าจะง่ายขนาดไหน 

วิธีการทำผัดไทย

1.นำน้ำมันหมูใส่กะทะ ใช้ไฟกลาง เมื่อน้ำมันร้อน ใส่กระเทียมที่โขลกไว้ลงไปผัดพอเหลือง จากนั้นใส่หมูที่หั่นเป็นชิ้น ลงไปผัดกับกระเทียม


2.ใส่น้ำปลา , น้ำตาลปี๊ป , น้ำมะขามเปียก ลงไปผัดกับหมู เติมน้ำเปล่าลงไปครึ่งถ้วย


3.ใส่เส้นก๋วยเตี๋ยวที่เตรียมไว้ลงไปผัด คอยดูจนเส้นนิ่ม (ถ้าแห้งไปก็ค่อยๆเติมน้ำลงไป ระวังอย่าให้แฉะ หรือแห้ง เกินไป)


4.เมื่อเส้นนิ่มได้ที่แล้ว ตอกไข่ใส่ลงไป ทั้งสองฟอง ผัดต่อจนไข่สุก และคอยดูอย่าให้ติดกะทะ


5.เมื่อผัดจนไข่สุก ให้ใส่ใบกุ่ยฉ่าย ลงไปผัดพอให้ใบกุ่ยฉ่าย สลด ก็ตักใส่จาน รับประทานคู่กับ ถั่วงอก และ ต้นกุ่ยฉ่าย ได้เลย ถ้าชอบรสชาติแบบไหน ก็ปรุงเพิ่มได้ครับ


นี่ละครับ วิธีการทำผัดไทย ดูเหมือนจะยาก แต่ไม่ยากอย่างที่คิด ลองทำทานที่บ้านดูนะครับ 

เมษา


ลาบหมู (Laab Pork)

ลาบหมู (Laab Pork)


             ลาบหมู จัดได้ว่าเป็นอาหารอีกประเภทที่ได้รับความนิยมแพร่หลายในประเทศไทย ด้วยรสชาติที่ ถูกลิ้นคนไทย คือ เผ็ด เค็ม นัว ทานคู่กับผักสดที่หาได้ตามท้องถิ่น ความอร่อยไม่ต้องพูดถึงครับ

              ในบทความนี้ จะนำวิธีการทำลาบหมูมาฝากทุกๆท่าน ได้ลองทำทานที่บ้าน บอกได้เลยครับว่าไม่ยาก มาเริ่มกันเลย


สิ่งที่ต้องเตรียม

1."หมูสับ 0.5 กิโลกรัม" 

จะใช้เป็นเนื้อส่วนใดก็ได้ครับ บางคนชอบลาบติดมัน บางคนชอบลาบเนื้อล้วน เอาตามความชอบส่วนตัวเลย แต่ผมแนะนำว่าควรเป็นเนื้อหมูที่นำมาสับเองจะดีกว่า เนื้อหมูบดที่มีอยู่ตามท้องตลาด เพราะ ถ้าเราสับเอง จะได้รู้ว่าเรานำเนื้อหมูส่วนไหนมาใช้ และ ขนาดของชิ้นเนื้อที่สับ มันจะไม่ร่วนมาก 


2."หนังหมูหั่น 0.2 กิโลกรัม" 

สำหรับท่านที่ไม่ขอบหนังหมูก็ไม่ต้องใส่ก็ได้นะ ไม่ผิด แต่ถ้าใส่ ก็จะเพิ่มมิติของการกินลาบหมูให้อร่อยไปอีกแบบ


3."ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ" 

เป็นเครื่องปรุงที่สำคัญมาก วิธีการเตรียมก็ไม่ยาก แค่นำข้าวสาร ไปคั่วกับกะทะให้เป็นสีน้ำตาลอ่อน จากนั้นก็นำไปตำพอแหลก


4."หอมแดงซอย 1 ถ้วย หรือประมาณ 8 หัว1" 

หอมแดงเป็นเครื่องเทศที่ช่วยดับกลิ่นคาว และ ช่วยชูกลิ่นหอมของเนื้อหมูให้เด่นขึ้น ถือเป็นส่วนผสมที่ขาดไม่ได้ หาซื้อได้ง่าย

5."น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ"

น้ำปลาจะเป็นเครื่องปรุงที่ช่วยเสริมรสเค็ม และ เพิ่มความหอมนัวให้กับ ลายหมู


6."น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ"

มะนาวไว้สำหรับ เพิ่มรสชาติเปรี้ยวลงไป แต่รสชาติหลักๆของลาบ จะออกเค็ม รสเปรี้ยวจะช่วยเสริมความนัว


7."เกลือป่น 1 ข้อนชา"

จะใช้ในขั้นตอนการ รวน หมูสับ เพื่อช่วยดึงความหวานของเนื้อหมูออกมา และดับกลิ่นคาว ใช้แค่เล็กน้อยเท่านั้น เพราะ เครื่องปรุงที่จะชูรสเค็มคือ น้ำปลา



8."ต้นหอมซอย,ผักชีซอย 1 ถ้วย"

ต้นหอมผักชี เป็นเครื่องเทศที่ช่วยเพิ่มความหอมให้กับลาบหมู


9."พลิกป่น 0.5 ช้อนโต๊ะ"

พริกป่นช่วยเพิ่มรสชาติความเผ็ดของลาบ จะใส่มากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับความชอบ


เอาละครับ เมื่อได้เครื่องปรุงและส่วนผสมในการทำลาบหมูมาเรียบร้อยแล้ว ก็มาลงมือทำกันเลยครับ


วิธีการทำ "ลาบหมู"

1.นำกะทะหม้อตั้งไฟปานกลางใส่น้ำเปล่าลงไปสักครึ่งถ้วย เมื่อน้ำเดือด ใส่หมูสับ และหนังหมู ลงไปรวน เติมเกลือลงไป 1 ช้อนชา รวนจนหมูสุก แล้วปรับแก๊สลงให้ค่อยที่สุด


2.จากนั้นใส่หอมแดงซอยลงไป ตามด้วยข้าวคั่ว น้ำปลา และ พริกป่น รวนต่ออีกประมาณ 20 วินาที  ค่อยปิดแก๊ส แล้วจึงใส่ ต้นหอมผักชี กับ น้ำมะนาว ลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน 


3.ตักใส่จาน โรยหน้าด้วยใบสะระแน่ กินแกล้มกับผักสด พริกแห้ง พริกสด กระเทียม แนะนำว่า ควรเพิ่มข้าวเหนียวร้อนๆ สักกระติบ 

และนี้ก็คือ เมนูลาบหมู ที่เป็นอีกหนึ่งอาหารท้องถิ่นของประเทศไทย ทำไม่ยากใครๆก็ทำได้ครับ

เมษา

เกาะสีชัง อ.เกาะสีชัง จ.ชลบุรี

     https://www.blogger.com/blog/post/edit/3692511547522750741/2971984617216448995 วันนี้จะมาเล่าเรื่องราวที่ผมได้มีโอกาสพาครอบครัวไปเที่ยว...